Table of Contents
Toggleรู้จักตัวตึงเรื่องผิว Glycolic Acid คืออะไร? เลือกยี่ห้อไหนถึงจะเห็นผลจริง
ใครที่อินกับการดูแลผิวแบบสุด ๆ คงเคยได้ยินชื่อ Glycolic Acid ผ่านหูมาบ้าง! ไม่ว่าจะเห็นผ่านรีวิว TikTok, YouTube หรือในไอจีของบิวตี้บล็อกเกอร์ที่เราตามอยู่ บอกเลยว่าเจ้าสกินแคร์ตัวนี้ไม่ใช่แค่ส่วนผสมธรรมดา ๆ แต่เป็น “ตัวตึงเรื่องผิวใส” ของจริง ✨
บางคนอาจเคยเจอในผลิตภัณฑ์ฮิต ๆ อย่าง The Ordinary Glycolic Acid, Glycolic Acid L’Oreal หรือแม้แต่ Glycolic Acid Boots แล้วก็แอบสงสัยในใจว่า เอ๊ะ… Glycolic Acid คืออะไรกันแน่? ช่วยอะไรกับผิวเราได้บ้าง? ใช้แล้วผิวจะไบรท์ขึ้นจริงไหม แล้วเราควรเลือก Glycolic Acid ยี่ห้อไหนดีที่คุ้มค่าและปลอดภัยกับผิวของเราจริง ๆ โดยเฉพาะกับคนผิวแพ้ง่ายที่อาจจะมีความกังวลเรื่องนี้เป็นพิเศษ
วันนี้ Mamilktea จะชวนเพื่อน ๆ มาเมาท์แบบมีสาระกันค่ะว่า Glycolic Acid ทำงานยังไง? ทำไมมันถึงดังเป็นไวรัลทั่วโลก และที่สำคัญคือข้อควรระวังที่หลายคนมักจะมองข้าม คือ Glycolic Acid ห้ามใช้กับอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้ดูแลผิวอย่างถูกวิธี และไม่พลาดเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกใช้สกินแคร์ให้ได้ผลลัพธ์โซจึ้ง 💖
Glycolic Acid คืออะไร?
Glycolic Acid คือกรดผลไม้อ่อน ๆ (AHA หรือ Alpha Hydroxy Acid) ที่ทำมาจากอ้อย ซึ่งมีโมเลกุลเล็กมากจนสามารถซึมลึกเข้าไปในผิวได้ดี โดยจุดเด่นของ Glycolic Acid คือช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวดูใส เนียน และนุ่มขึ้น เหมือนเราได้สครับผิวไปในแต่ทำในระดับโมเลกุลเลยนะคะ 💆🏻♀️ นอกจากผลัดเซลล์ผิวแล้ว Glycolic Acid ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเด้ง อิ่มฟู และลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ด้วย
ความพิเศษอีกอย่างของ Glycolic Acid คือไม่ได้เหมาะแค่กับคนที่อยากผิวไบรท์ แต่ยังช่วยเรื่องปัญหาสิวอุดตันได้ เพราะเมื่อเซลล์ผิวเก่าและความมันส่วนเกินถูกเคลียร์ออก รูขุมขนก็จะไม่ตันง่าย แถมยังช่วยให้สกินแคร์ตัวอื่นซึมเข้าผิวได้ดีขึ้นด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแบรนด์ดังอย่าง The Ordinary, L’Oreal หรือแม้แต่ Boots ถึงหยิบส่วนผสมตัวนี้มาเป็นไฮไลต์ในไลน์บำรุงผิว
แต่… อย่าเพิ่งรีบหยิบมาใช้แบบไม่คิดนะคะเพื่อน ๆ เพราะถึงจะเป็นกรดที่ช่วยผิวได้แบบโซจึ้ง แต่ก็มีข้อควรระวังคือ Glycolic Acid ห้ามใช้กับบางส่วนผสมที่อาจระคายเคืองหรือทำให้ผิวแห้งเกินไป (เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังต่อในหัวข้อถัดไป) ดังนั้นการรู้จักน้องคนนี้ก่อนเลือกว่าจะซื้อ Glycolic Acid ยี่ห้อไหนดี จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราไม่เผลอรีบร้อนเอามาใช้จนผิวแหกได้ค่ะ!
Glycolic Acid ช่วยอะไรบ้าง?
Glycolic Acid ไม่ได้แค่ทำให้ผิวดูใสขึ้นเฉย ๆ นะคะ แต่เจ้ากรดไกลโคลิกตัวนี้จะทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวช่วยรีเซ็ตผิวให้กลับมาสุขภาพดีขึ้น จากประโยชน์หลักของ Glycolic Acid คือ การผลัดเซลล์ผิวเก่าออกอย่างอ่อนโยน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวของเราหมองคล้ำและไม่เรียบเนียน พอเซลล์เก่าถูกเคลียร์ออก ผิวใหม่ที่สดใสและสุขภาพดีก็จะเผยออกมา และนั่นเองที่ทำให้เกิดประโยชน์อื่น ๆ ตามมาแบบต่อเนื่อง มาดูกันว่า Glycolic Acid ช่วยอะไรบ้าง
- ผลัดเซลล์ผิวเก่าออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวสะอาดมากยิ่งขึ้น
- ผิวดูกระจ่างใสกว่าเดิม เพราะไม่มีเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว รวมไปถึงสิ่งอุดตันอื่น ๆ มาบดบัง
- สิวอุดตันและสิวเสี้ยนลดน้อยลง เนื่องจากรูขุมขนสะอาดมากขึ้น โอกาสในการเกิดการอุดตันจากคราบความมัน สิ่งสกปรก และมลภาวะอื่น ๆ ลดน้อยลง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเด้ง ยืดหยุ่น อิ่มน้ำ และช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ หรือริ้วรอยร่องตื้นได้เล็กน้อย
- ช่วยให้สกินแคร์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น เพราะไม่มีชั้นผิวที่เสื่อมสภาพไปแล้วมาขัดขวางการดูดซึม
- ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ทำให้เวลาเราแต่งหน้าจะรู้สึกได้ว่าเกลี่ยเนื้อง่ายขึ้น และเมคอัพติดทนมากกว่าเดิม
สรุปก็คือ ความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวเก่าของ Glycolic Acid คือประโยชน์หลักที่ช่วยปูพื้นฐานให้ผิวพร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่จากการเคลียร์สิ่งอุดตันทิ้งไปได้อย่างหมดจดยิ่งขึ้น ช่วยเผยผิวใหม่ที่เนียนละเอียดและรับแสงได้สวยกว่าเดิม เหมือนเรามีฟิลเตอร์ติดผิวอยู่ตลอดเวลา ใครที่แต่งหน้าเป็นประจำจะรู้เลยว่ารองพื้นเกลี่ยง่ายขึ้นเพราะผิวเรียบเนียนกว่าเดิมมากค่ะ!
วิธีใช้ Glycolic Acid ให้ปลอดภัยกับผิว
ถ้าจะบอกว่า Glycolic Acid คือตัวแม่เรื่องช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ใสขึ้นได้ ก็ต้องบอกด้วยว่าเจ้ากรดไกลโคลิกนั้นก็เป็นหนึ่งใน Active Ingredient ที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ไม่งั้นจากจะช่วยให้ผิวสวย อาจกลายเป็นทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัวค่ะ! ดังนั้น เรามาดูกันว่ามีวิธีใช้ Glycolic Acid ยังไงให้ปลอดภัยกับผิวของเราบ้าง
1. เริ่มต้นด้วยความใจเย็น ค่อย ๆ ปรับผิวให้ชิน
การเริ่มใช้ Glycolic Acid ครั้งแรก ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำ ประมาณ 5-7% และใช้ไม่บ่อยเกินไป เช่น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้มีเวลาปรับตัวกับการผลัดเซลล์ใหม่ที่เร็วขึ้น เพราะถ้าใช้บ่อยหรือเข้มข้นสูงเกินไป ผิวอาจเกิดอาการแห้ง แดง แสบ หรือเกิดลอกเป็นขุยได้ค่ะ
2. ‘กันแดด’ คือหัวใจหลักที่ห้ามลืมโดยเด็ดขาด!
หลังจากผลัดเซลล์ผิว ผิวเราจะบางและไวต่อแสงแดดมากขึ้นมาก ๆ เป็นปกติเลยค่ะ ดังนั้น การทากันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไปทุกเช้าคือสิ่งที่ต้องทำเป็นกิจวัตรก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันผิวไหม้แดด รอยดำ และริ้วรอยที่มีโอกาสเป็นง่ายมากขึ้นจากทำร้ายของรังสียูวี ถ้าออกกลางแจ้งจัดเต็มทั้งหมวกและแว่นกันแดดด้วยจะดีมาก
3. อย่าใช้สารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองพร้อม ๆ กัน
ปัจจุบันนี้มันมีสกินแคร์หลายตัวที่บรรจุสารช่วยผลัดเซลล์ผิวเข้ามาด้วยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น เรตินอล วิตามินซีความเข้มข้นสูง หรือ BHA ซึ่งผลิตภัณฑ์พวกนี้ถ้าใช้ร่วมกับ Glycolic Acid ในขั้นตอนเดียวกัน อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองขั้นรุนแรงได้ ควรสลับวันใช้หรือเลือกใช้ทีละตัวเพื่อความปลอดภัยของผิวในระยะยาวนะคะ
4. เติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวอย่างเต็มที่
หลังจากใช้ Glycolic Acid แล้ว ผิวอาจรู้สึกแห้งตึง การทามอยส์เจอไรเซอร์ที่อุดมไปด้วยสารบำรุงและให้ความชุ่มชื้นโดยเฉพาะ เช่น ไฮยาลูโรนิค แอซิด, เซราไมด์ หรือสารปลอบประโลมผิวต่าง ๆ ที่ปราศจากน้ำหอมหรือสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองอื่น ๆ จะช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวและล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งกร้านระหว่างที่เราใช้ Glycolic Acid ค่ะ
5. ฟังเสียงผิวของตัวเอง เริ่มแสบ… ต้องเลิก!
ถ้ารู้สึกว่าหลังใช้ Glycolic Acid แล้วผิวแสบ แดง หรือเริ่มลอกเป็นขุย ให้ลดความถี่ในการใช้หรือหยุดพักไปก่อน อย่าฝืนใช้ต่อ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวอ่อนแอหรือเกิดปัญหาผิวตามมาได้ค่ะ นอกจากนี้ ยังอาจจะเป็นสัญญาณของอาการแพ้ด้วย
6. อ่านคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อมาใช้ทุกครั้ง
แบรนด์แต่ละเจ้าจะมีคำแนะนำและวิธีใช้ที่แตกต่างกัน บางตัวอาจเหมาะกับผิวบางประเภทหรือมีข้อจำกัดเฉพาะอย่างด้วย เช่น หลีกเลี่ยงการใช้ในช่วงตั้งครรภ์ หรือไม่ควรใช้พร้อมกันกับสารบางชนิด ดังนั้นอ่านฉลากให้ดีจะช่วยป้องกันปัญหาที่เราไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ
Glycolic Acid ควรใช้คู่กับอะไร?
รู้กันแล้วว่า Glycolic Acid เป็นตัวตึงเรื่องผลัดเซลล์ผิว งั้นมาดูกันค่ะว่าถ้าอยากให้ผลลัพธ์เริ่ดขึ้นอีก เราจะเลือก Glycolic Acid ใช้คู่กับอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งการซัพพอร์ตผิวให้เปล่งปลั่งดูสุขภาพดี และช่วยลดโอกาสระคายเคืองไปพร้อม ๆ กัน
- มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) หลังใช้ Glycolic Acid ผิวเราจะยังได้รับการผลัดเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง สูญเสียความชุ่มชื้นบนผิวไป และยังไวต่อการระคายเคืองด้วย จึงต้องตามด้วยครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เพื่อช่วยล็อกความชุ่มชื้นและซ่อมแซมเกราะป้องกันผิวควบคู่กันไปด้วยค่ะ
- ไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) จะเข้ามาช่วยเติมความชุ่มชื้นลงไปในผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นและลดความแห้งตึงหลังการผลัดเซลล์ผิวด้วย
- ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และเสริมเกราะป้องกันผิว เหมาะใช้ตอนเช้าหรือสลับวันกับ Glycolic Acid
- ครีมกันแดด SPF สูง นี่คือคู่หูที่ห้ามขาด! เพราะผิวที่เพิ่งผลัดเซลล์จะไวต่อแสงมากขึ้น ต้องปกป้องด้วยกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกเช้า
Glycolic Acid ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง?
แม้ Glycolic Acid คือตัวผลัดเซลล์ผิวที่จะช่วยให้ผิวเราดูสุขภาพดีขึ้นได้เยอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้คู่กับอะไรก็ได้นะคะ เพราะบางคู่อาจจะขัดขวางการทำงานของกันและกัน แถมเสี่ยงทำให้ผิวระคายเคืองแบบหนักมากอีกด้วย! เรามาเช็กกันเลยว่า Glycolic Acid ห้ามใช้คู่กับอะไรบ้าง
- เรตินอล (Retinol หรือ Retinoid) ทั้งคู่เป็นสารที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเหมือนกัน ถ้าใช้พร้อมกันผิวจะระคายเคือง แห้งลอก หรือแดงง่ายมาก ควรสลับวันใช้แทน
- วิตามินซีความเข้มข้นสูง (L-Ascorbic Acid) วิตามินซีต้องการค่า pH ที่ต่างจาก Glycolic Acid ทำให้ประสิทธิภาพลดลง และยังเพิ่มโอกาสระคายเคืองอีกด้วย
- BHA (Salicylic Acid) ทั้งคู่เป็นกรดผลัดเซลล์ผิว ถ้าใช้ซ้อนกันอาจทำให้ผิวแสบหรือเป็นผื่น ควรเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่ง หรือสลับวันกันไป
- ผลิตภัณฑ์ขัดผิวแบบ Physical Scrub การใช้สครับเม็ดบีดหรือเม็ดเกลือร่วมกับ Glycolic Acid อาจทำให้ผิวถลอกหรือเกิด Micro-tears ได้ง่าย
- สารทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น Benzoyl Peroxide เมื่อใช้ร่วมกับ Glycolic Acid จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงผิวไหม้แดดและเกิดรอยดำ ควรใช้แยกช่วงเวลา หรือหลีกเลี่ยงถ้าไม่จำเป็น
สรุปก็คือ ถ้าวันไหนใช้ Glycolic Acid ไปแล้ว ให้ข้ามสกินแคร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวอื่น ๆ ไปเลย และอย่าลืมทากันแดดทุกเช้า เพราะผิวจะไวต่อแสงมากขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อผิวไหม้แดดและทำให้หน้าหมองง่ายกว่าเดิมได้ด้วยค่ะ
Glycolic Acid ยี่ห้อไหนดี? รวมตัวช่วยผิวสวย ราคาดี
อยากเริ่มใช้ Glycolic Acid แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกแบรนด์ Glycolic Acid ยี่ห้อไหนดีใช่มั้ยคะ? ไม่ต้องห่วงเลย เพราะเรารวมตัวเด็ดที่ใช้จริง เห็นผลจริง และราคาเอื้อมถึง มาให้เพื่อน ๆ Tomatogirls เลือกแบบจุก ๆ ✨
The Ordinary Glycolic Acid 7% Toning Solution
โทนเนอร์ตัวดังของ The Ordinary ขวดนี้ขึ้นชื่อเรื่องงานผิวใสเพราะใส่ Glycolic Acid 7% ที่ช่วยเคลียร์เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวดูสว่าง เรียบเนียน และเมคอัพติดผิวง่ายขึ้น เนื้อสัมผัสเป็นน้ำใส ๆ ซึมไว อาจมีอาการยิบ ๆ เบา ๆ ช่วงแรก (ปกติ) แต่มีตัวปลอบผิวมาแบ็คอัพเลยใช้ง่ายขึ้น เหมาะกับคนที่อยากเริ่มจริงจังกับการ Exfoliating ระดับกลางไปจนถึงสูง ใช้ต่อเนื่อง 2–4 สัปดาห์จะเห็นงานผิวละเอียดขึ้นชัดเจนค่ะ แต่ต้องระวังการใช้ถี่เกินไป เพราะใส่ปริมาณมาค่อนข้างสูง ใช้บ่อยอาจทำให้ผิวแห้งลอกได้
- ส่วนผสมเด่น: Glycolic Acid 7%, Tasmanian Pepperberry
- ปริมาณ: 240 ml
- ราคา: ประมาณ 770 บาท
พิกัด: 🛒 กดช้อปที่ Shopee The Ordinary Official Store
L'Oréal Paris Glycolic Bright Anti-Dark Spot Brightening Serum
เซรั่มกรดไกลโคลิกตัวนี้คือไอเท็มที่หลายคนเทใจให้เลยค่ะ เพราะนอกจากจะมี Glycolic Acid 1% ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำออกอย่างอ่อนโยนแล้ว ยังมี Niacinamide ที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และ Tranexamic Acid ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำแบบเฉพาะจุด จึงเหมาะมากกับคนที่กังวลเรื่องรอยสิวหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื้อสัมผัสเป็นเซรั่มใส กึ่งเจลที่ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้แล้วรู้สึกผิวชุ่มชื้นกำลังดี และที่สำคัญคือไม่ทำให้แสบหรือแห้งจนเกินไป
- ส่วนผสมเด่น: Glycolic Acid 1%, Niacinamide, Tranexamic Acid
- ปริมาณ: 30 ml
- ราคา: ประมาณ 799 บาท (มักมีโปรเหลือ 500–600+ บาท)
พิกัด: 🛒 กดช้อปที่ Shopee L’Oréal Official | L’ORÉAL BEAUTRIUM Official Store
Provamed Advanced Whitening Glycolic Glow Serum
เซรั่มรุ่นนี้ตอบโจทย์คนที่อยากเริ่มใช้ Glycolic Acid แต่ยังกลัวผิวระคายเคือง เพราะสูตรนี้นอกจากจะมี Glycolic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวแล้ว ยังผสาน 2% Bright Peptide ที่ช่วยให้ผิวดูสว่างใส ขจัดผิวหมองคล้ำ ลดเลือนจุดด่างดำ แถมยังมี 5% Niacinamide ช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียนสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น เนื้อสัมผัสเป็นเซรั่มเจลใส เบา สบายผิว เหมาะกับการใช้ทุกวันแบบต่อเนื่องเพื่อค่อย ๆ ฟื้นผิวหมองคล้ำให้กลับมาดูใสขึ้น
- ส่วนผสมเด่น: Smart Glycolic acid 2%, Bright Peptide 2%, Niacinamide 5%
- ปริมาณ: 30 ml
- ราคา: ประมาณ 530 บาท (มักมีโปรเหลือ 300-400+ บาท)
- พิกัด: 🛒 กดช้อปที่ Provamed Shopee Official Store | Provamed BEAUTRIUM Official Store
SKINTIFIC Glycolic Acid Daily Clarifying Toner
โทนเนอร์ไกลโคลิกตัวดังจาก Skintific ขวดนี้เป็นโทนเนอร์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ได้ทุกวัน เพราะเขาใส่ปริมาณ Glycolic Acid ในระดับที่ผิวรับได้ง่าย เน้นผลัดเซลล์ผิวหมองให้กลับมาใสขึ้น ผสมกับ Lactobionic Acid (PHA) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติอย่างอ่อนโยน และ Niacinamide ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงกระจ่างใส เนื้อโทนเนอร์เป็นน้ำใส ไม่เหนอะ ซึมไว ทิ้งความชุ่มชื้นไว้เล็กน้อย
- ส่วนผสมเด่น: Glycolic Acid, Niacinamide, Lactobionic Acid (PHA)
- ปริมาณ: 80 ml
- ราคา: ประมาณ 199 บาท
พิกัด: 🛒 กดช้อปที่ SKINTIFIC Shopee Official Store | SKINTIFIC BEAUTRIUM Official Store
THESKINLIST Facial Solution Exfoliator (5% Glycolic Acid (AHA) + 4% HEPES)
โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวที่นอกจากจะมี Glycolic Acid 5% ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวแล้ว ยังมี HEPES 4% (Hydroxyethyl Piperazineethanesulfonic Acid) ส่วนผสมที่เป็นสารเอนไซม์ช่วยละลายโปรตีนที่เกาะผิว ทำให้การผลัดเซลล์ผิวอ่อนโยนขึ้นแต่เห็นผลจริง พร้อมด้วยส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง เหมาะกับคนที่อยากอัปเลเวลการผลัดผิว แต่ยังอยากคงความบาลานซ์ ไม่ให้เสี่ยงระคายเคืองมากเกินไป เนื้อสัมผัสเป็นน้ำใส ๆ ใช้ง่าย ไม่เหนอะ
- ส่วนผสมเด่น: Glycolic Acid, HEPES, Biosaccharide Gum-2, Dipotassium Glycyrrhizate, Aloe Vera Extract, Glyceryl Glucoside, Glycerin, Hyaluronic acid
- ปริมาณ: 30g
- ราคา: ประมาณ 890 บาท (มักมีโปรเหลือ 600-700+ บาท)
พิกัด: 🛒 กดช้อปที่ The Skinlist Official Store ขนาด 30g และขนาดพกพา 15 กรัม
Pixi Glow Tonic (5% Glycolic Acid)
โทนเนอร์ในตำนานที่สาย Selfcare ต้องมี! เพราะเจ้า Pixi Glow Tonic คือโทนเนอร์ที่สาว ๆ ทั่วโลกยกให้เป็น Must-Have เพราะใส่ Glycolic Acid 5% ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวหมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อม Aloe Vera ที่ปลอบประโลมผิว และ Ginseng ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียน ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและสดชื่นขึ้น ใช้แล้วผิวจะใสแบบนุ่มนวล ไม่ผลัดผิวโหดจนเกินไป เนื้อโทนเนอร์บางเบา ซึมง่าย มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ใช้แล้วได้ฟีลหรู ๆ แบบหนุ่มสาวอังกฤษเลยค่ะ
- ส่วนผสมเด่น: Glycolic Acid, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Witch Hazel, Panax Ginseng Root Extract, Biotin
- ปริมาณ: 40, 100 และ 250 ml
- ราคา: ประมาณ 200-1200+ บาท
พิกัด: 🛒 กดช้อปที่ Shopee, Lazada และร้านเคาน์เตอร์แบรนด์ทั่วประเทศ
Boots Ingredients Glycolic Acid Toner (5%)
อยากลองใช้ Glycolic Acid แบบไม่ต้องคิดเยอะ สำหรับแบรนด์ดังอย่าง Boots ถือว่าเป็น Starter ที่ดีเลยค่ะ เพราะเขาใส่ Glycolic Acid 5% ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว พร้อมกับส่วนผสมที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับคนที่อยากลองดูก่อนว่าผิวจะโอเคกับการผลัดผิวมั้ย เนื้อสัมผัสเป็นน้ำใส บางเบา ใช้แล้วซึมไว ไม่มีความเหนอะหนะ
- ส่วนผสมเด่น: Glycolic Acid, Hamamelis virginiana (Witch Hazel) water, Panthenol
- ปริมาณ: 100 ml
- ราคา: ประมาณ 180-400 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของทางผู้ผลิต)
พิกัด: 🛒 กดช้อปที่ Boots Official Store บน Shopee, Lazada และสาขาทั่วประเทศ
แนะนำวิธีเลือกผลิตภัณฑ์ Glycolic Acid ที่ห้ามพลาด
ก่อนจะควักเงินซื้อ Glycolic Acid มาลองใช้ ต้องรู้จักวิธีเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของเราเพื่อผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ที่สุดด้วยค่ะ Mamilktea ขอแนะนำวิธีเลือก Glycolic Acid เบื้องต้นตามนี้
- ดูความเข้มข้นของ Glycolic Acid ปริมาณเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ควรเลือกความเข้มข้นต่ำ ๆ ประมาณ 5-10% ก่อน เพื่อให้ผิวปรับตัวได้ดี ไม่ระคายเคืองมาก
- พิจารณาสูตรและส่วนผสมอื่น ๆ เลือกสูตรที่มีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิว เช่น Aloe Vera, Panthenol หรือ Hyaluronic Acid เพื่อช่วยลดโอกาสแห้งลอก เพราะหลังการผลัดเซลล์ ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นไปมาก ถ้ามีส่วนผสมเติมความชุ่มชื้นควบคู่ด้วยจะเซฟกว่าค่ะ
- เลือกตามประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้สะดวก มีตั้งแต่โทนเนอร์ เซรั่ม หรือครีม เลือกตามไลฟ์สไตล์และขั้นตอนการบำรุงผิวของเราว่าใช้ร่วมกันได้ไหม เข้ากันดีหรือเปล่า
- เช็ครีวิวและแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ยิ่งเป็นแบรนด์ที่มีรีวิวดีและได้รับการรับรองความปลอดภัย ยิ่งมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จะไม่ทำร้ายผิวค่ะ
- ตรวจสอบราคาที่เหมาะสมกับงบ การได้ผลิตภัณฑ์ Glycolic Acid ราคาถูกไม่ได้แปลว่าดีเสมอไปนะคะ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องแพงเว่อร์ขนาดนั้น แค่เลือกที่เหมาะสมกับคุณภาพและส่วนผสม ที่สำคัญที่สุดคือ เราใช้แล้วไม่แพ้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ
สรุป Glycolic Acid ไอเทมผิวสวย ครบจบรอบด้าน!
Glycolic Acid คือตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน ช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียนและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก Glycolic Acid ช่วยทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่มากขึ้น และช่วยให้สกินแคร์ทำงานได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม วิธีใช้ Glycolic Acid ที่ถูกต้อง ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำ ๆ และใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ผิวได้ปรับตัว พร้อมกับอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกเช้าเพราะผิวจะไวต่อแสงมากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับสารที่ทำให้ผิวระคายเคืองอย่างเรตินอลหรือวิตามินซีความเข้มข้นสูง และเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หลังใช้เสมอ หากผิวเกิดอาการแสบแดงหรือแห้งลอก ควรลดความถี่หรือหยุดพักก่อน ให้ผิวได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ แล้วค่อยกลับมาใช้ใหม่อย่างใจเย็น แบบนี้ Mamilktea รับรองว่าผิวจะเด้งใส เรียบเนียนอย่างปลอดภัยแน่นอนค่า!
Share via:

